แม่ค้าในจังหวัดบุรีรัมย์เกิดไอเดียบรรเจิด สวม ‘เอี๊ยมทูพีช’ ขายผลไม้กลางสีแยก หลังรายได้หดช่วงโควิด เผยตั้งแต่สวมมารายได้เพิ่มชัดเจน กลายเป็นเรื่องน่ารักๆที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่ น.ส.ประทุม ไขโพธิ์ อายุ 36 ปี แม่ค้าขายของที่บริเวณสามแยกไฟแดงถนนหัก ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ปิ๊งไอเดียกระตุ้นยอดขาย ด้วยการ สั่งซื้อชุดผ้ากันเปื้อน รูปผู้หญิงสวมใส่ชุดบิกินี
โดยเธอได้ นำมาสวมใส่เดินขายผลไม้ ขนม และใบกระท่อม
ที่แยกไฟแดงถนนหักจากเดิมที่ใส่เอี๊ยมแบบธรรมทั่วไป ซึ่งหลังจากที่เธอสวมชุดนี้ได้เพียง 3-4 วัน ก็ สามารถเรียกความสนใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นคนที่ขับขี่รถ สัญจรผ่านไปมาบนถนน สายบุรีรัมย์-นางรอง ได้ไม่น้อย ทำให้คนที่ขับรถสัญจรผ่านไปอุดหนุนผลไม้ ขนม และใบกระท่อมของเธอคึกคักมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากเดิมที่ขายได้วันละประมาณ 1,000 กว่าบาท
หลังจากใส่เอี้ยมทูพีชก็ขายได้เพิ่มเป็นวันละกว่า 2,000 บาท ซึ่งนอกจากจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเรียกรอยยิ้มจากลูกค้าอีกด้วย โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่อุดหนุนก็จะขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ซึ่ง น.ส.ประทุม บอกว่า ช่วงโควิด การค้าขายของค่อนข้างเงียบเหงา ขายไม่ค่อยได้ กระทั่งได้ไปเปิดเห็นเพจเฟสบุ๊กบัญชีหนึ่ง ได้มีการโพสต์ขายเอี๊ยมทูพีช จึงลองสั่งมาในราคาชุดละ 180 บาท พอนำมาสวมใส่แล้วเดินขายของที่แยกไฟแดง ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ขับรถผ่านไปมา อุดหนุนทั้งผลไม้ ขนม และใบกระท่อมคึกคักมากขึ้น
ชาวเน็ตสับยับ กฎ ห้ามพกหน้ากากอนามัยเกิน 30 ชิ้น ไปต่างประเทศ มีโทษหนัก จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุม
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลทันที หลังจากที่เช้าวันนี้ 4 ก.พ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ประกาศเตือนประชาชนที่จะเดินทางออกนอกประเทศว่า ห้ามพกหน้ากากอนามัยติดตัวเกิน 30 ชิ้น/ครั้ง เว้นมีใบรับรองแพทย์ สามารถพบหน้ากากอนามัยติดตัวไม่เกิน 50 ชิ้น/ครั้ง เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุม
ซึ่งผู้กระทำผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว เป็นการอ้างอิงจาก ประกาศคณะกรรมการการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ซึ่งระบุว่า ให้สินค้าดังต่อไปนี้ เป็นสินค้าควบคุม ได้แก้ หน้ากากอนามัย, ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย, ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ, เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก และไก่ เนื้อไก่ มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 1 ปี
ต่อมา เมื่อข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองไม่เห็นด้วย มองว่าโทษที่ได้รับหนักเกินไป สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีเจตนานำหน้ากากอนามัยไปขายต่อ และหน้ากากอนามัยแบบกล่องส่วนใหญ่ก็บรรจุเกิน 30 ชิ้นทั้งนั้น
ผอ.โรงเรียน แจง หลังมีคำสั่ง ห้ามเด็กอนุบาลร้องไห้
ผอ.โรงเรียนดังที่ตกเป็นข่าวหลังจากมีชาวเน็ตเผยแพร่เอกสาร ห้ามเด็กอนุบาลร้องไห้ ชี้กลัวเด็กร้องไห้ทำลายสมาธิเด็กคนอื่น ตอนนี้ยกเลิกกฎแล้ว รศ.ดร.สุนันท์ สายกระสุน ผอ.โรงเรียนสาธิตมหาสารคาม ฝ่ายประถมศึกษา ได้ออกมาชี้แจงกรณีเอกสารที่ระบุว่า “หากนักเรียนที่เข้าทดสอบร้องไห้ ให้หักคะแนนฐานที่ร้องไห้ฐานละ 3 คะแนน” จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากนั้น
โดยทาง ผอ. ชี้แจงว่า ทางโรงเรียนได้ประกาศข้อปฏิบัติ ประเมินพัฒนาการ ขอนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 อนุบาล 2 และอนุบาล 3 เพื่อเข้ารับการศึกษา ปีการศึกษา 2565 ในวันที่ 5-6 ก.พ. นี้ ซึ่งโรงเรียนมีข้อปฏิบัติเช่นนี้มานานแล้ว
แต่ในปีนี้ทางผู้ปกครองต้องการหลักเกณฑ์ในการรับเด็กนักเรียน ทางโรงเรียนจึงได้ทำหนังสือฉบับดังกล่าวออกมาให้ผู้ปกครองทราบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทางโรงเรียนไม่ได้ห้ามเด็กอนุบาลที่มาเข้าสอบร้องไห้ เพราะส่วนใหญ่เด็กที่มาสอบก็ร้องไห้เกือบทุกคน ในประกาศเราก็ไม่ได้ห้าม และที่ผ่านมา เด็กที่สอบเข้ามาได้ ส่วนใหญ่ก็ร้องไห้ทั้งนั้น
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การประเมินทางโรงเรียนไม่สามารถแจ้งให้ผู้ปกครองทราบได้ทั้งหมด เพราะทางโรงเรียนมีการแข่งขันสูง เปิดรับแค่ 100 คน แต่มีเด็กมาสมัครสอบจำนวนมาก โดยในการสอบแบ่งออกเป็น ฐาน เข้าห้องทดสอบทีละสี่คน ฐานละ 25 คะแนน เต็ม 100 คะแนน เด็กที่เข้าไปสอบแต่ละกลุ่ม หากมีหนึ่งคนที่ร้องไห้ ก็จะทำให้เพื่อนคนอื่นๆ เสียสมาธิไปด้วย ดังนั้น เราจึงมีการตัดคะแนนนิดหน่อย ไม่ได้มาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการยกเลิกคำสั่งนี้แล้ว
ผมได้รับการประสานจากเพื่อนๆ สส. หลายท่าน ให้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นผมไม่สามารถไปก้าวล่วงกับคณะทำงานชุดใหม่ของรัฐบาลได้อีก
ผมยังเป็นห่วงพี่น้องชาวจะนะและผมจะใช้ระบบสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะต่อไปครับ”